หน่วยที่ 6
อินเทอร์เน็ต
1. ใช้แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร สะดวกและรวดเร็ว
2. ใช้สืบค้นข้อมูลจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ทั่วโลกได้
3. ใช้แลกเปลี่ยนข้อมูลกับเครื่องคอมพิวเตอร์ต่างระบบได้
4. สามารถส่งข้อมูลได้หลายรูปแบบ
5. ให้ความบันเทิงในรูปแบบต่างๆ เช่น การฟังเพลง เล่นเกมส์ เป็นต้น
6. ใช้สื่อสารด้วยข้อความ ซึ่งเป็นการพูดคุยกันระหว่างผู้ใช้อินเทอร์เน็ตโดยการพิมพ์ ข้อความ โต้ตอบ
7. ใช้ส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์
8. ซื้อขายสินค้าและบริการ
การใช้งานอินเทอร์เน็ต ผู้ใช้สามารถใช้บริการจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตที่เราเรียกว่า ไอเอสพีด (ISPหรือ Internet Service Provider) โดยการติดต่อขอใช้บริการผ่านตัวแทนไอเอสพีต่างๆ ได้โดยตรง สำหรับประเทศไทยเรามีไอเอสพีอยู่มากกว่า 15 แห่ง ซึ่งไอเอสพี คือ บริษัทหรือองค์กรที่ให้บริการทางด้านอินเทอร์เน็ต รวมถึงศูนย์คอมพิวเตอร์ของสถาบันการศึกษาด้วย จะทำหน้าที่เชื่อมต่อระบบเครือข่ายจากประเทศไทยไปต่างประเทศ โดยผ่านเครือข่ายดาวเทียมหรือสายใยแก้วนำแสงของการสื่อสารแห่งประเทศไทย ตัวอย่าง ไอเอสพีในประเทศไทย มีดังนี้
1) บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย ชื่อเว็บไซต์ www.inet.co.th
2) บริษัท ล็อกซ์เล่ย์ อินฟอร์เมชัน ชื่อเว็บไซต์ www.loxinfo.co.th
3) บริษัท เคเอสซี คอมเมอร์เชียล อินเทอร์เน็ต ชื่อเว็บไซต์ www.ksc.net.th
4) บริษัท สามารถอินโฟเน็ต จำกัด ชื่อเว็บไซต์ www.samart.co.th
5) บริษัท เอ – เน็ต จำกัด ชื่อเว็บไซต์ www.a-net.net.th
การติดต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ผ่านระบบการสื่อสารโทรคมนาคมเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ตเพื่อใช้บริการต่างๆ จากอินเทอร์เน็ต สามรถทำได้ 2 วิธี ดังนี้
ภาพแสดง การทำงานของโมเด็ม
7. การเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์เข้าสู่ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
เป็นองค์กรที่มีการจัดตั้งระบบเครือข่ายใช้งานภายในองค์กรอยู่แล้วจะสามารถนำเครื่องแม่ข่าย (Server) ของเครือข่ายนั้นเข้าเชื่อมต่อกับ ISP เพื่อเชื่อมโยงเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ตได้เลยเ
เป็นการเชื่อมต่อของบุคคลธรรมดาทั่วไปซึ่งสามารถขอเชื่อมต่อเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ตได้โดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้อยู่อาจจะเป็นที่บ้านหรือที่ทำงานเชื่อมต่อผ่านทางสายโทรศัพท์ผ่านอุปกรณ์ที่เรียกว่า โมเดม (Modem) ซึ่งค่าใช้จ่ายไม่สูงมากนักเรามักเรียกการเชื่อมต่อแบบนี้ว่าการเชื่อมต่อแบบ Dial-Up โดยผู้ใช้ต้องสมัครเป็นสมาชิกของ ISP เพื่อขอเชื่อมต่อผ่านทาง SLIP หรือ PPP account
1. ความหมายและความเป็นมาของอินเทอร์เน็ต
เครือข่ายนานนาชาติหรือเครือข่ายสากล คือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทั่วโลกเข้าด้วยกัน โดยปัจจุบันมีเครื่องงคอมพิวเตอร์ที่เชื่อโยงกันอยู่มากกว่า 60 ล้านเครื่องมาเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข่าวสารกัน การที่คอมพิวเตอร์แตกต่างกันหลายชนิดจำนวนมากมายทั่วโลกกับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในปัจจุบันมีชื่อเรียกว่าทีซีพี/ไอพี (TCP/IP)
2.ความสำคัญของอินเทอร์เน็ต
ในปัจจุบันอินเทอร์เน็ตมีบทบาทและมีความสำคัญต่อชีวิตประจำวันของคนเป็นอย่างมาก เพราะทำให้วิถีชีวิตเราทันสมัยและทันเหตุการณ์อยู่เสมอ เนื่องจากอินเทอร์เน็ตจะมีการเสนอข้อมูลข่าวปัจจุบันและสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นให้ผู้ใช้ทราบเปลี่ยนแปลงไปทุกวัน สารสนเทศที่เสนอในอินเทอร์เน็ตจะมีมากมายหลายรูปแบบเพื่อตอบสนองความสนใจและความต้องการของผู้ใช้ทุกกลุ่ม อินเทอร์เน็ตจึงเป็นแหล่งสารสนเทศสำคัญสำหรับทุกคนเพราะสามารถค้นหาสิ่งที่ตนสนใจได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปค้นคว้าในห้องสมุด หรือแม้การรับรู้ข่าวสารทั่วโลกก็สามารถอ่านได้ในอินเทอร์เน็ตจากเว็บไซต์ต่าง ๆ ของหนังสือพิมพ์
ดังนั้นอินเทอร์เน็ตจึงมีความสำคัญกับวิถีชีวิตของคนเราในปัจจุบันเป็นอย่างมากในทุก ๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นบุคคลที่อยู่ในวงการธุรกิจ ด้านการศึกษา ด้านการบันเทิง ต่างก็ได้รับประโยชน์จากอินเทอร์เน็ตด้วยกันทั้งนั้น
2.1 ด้านการศึกษา อินเทอร์เน็ตมีความสำคัญ ดังนี้
- สามารถใช้เป็นแหล่งค้นคว้าหาข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลทางวิชาการ ข้อมูลด้สนการบันเทิง ด้านการแพทย์ และอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
- ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต จะทำหน้าที่เปรีบยเสมือนเป็นห้องสมุดขนาดใหญ่
- นักเรียนนักศึกษาสามารถใช้อินเทอร์เน็ตติดต่อกับมหาวิทยาลัยหรือโรงเรียนอื่น ๆ เพื่อค้นหา
ข้อมูลที่กำลังศึกษาอยู่ได้ ทั้งที่ข้อมูลที่เป็นข้อความเสียง ภาพเคลื่อนไหวต่าง ๆ
2.2 ด้านธุรกิจและการพาณิชย์ อินเทอร์เน็ตมีความสำคัญ ดังนี้
- ค้นหาข้อมูลต่าง ๆ เพื่อช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจ
- สามารถซื้อขายสินค้า ทำธุรกรรมผ่านระบบเครือข่าย
- เป็นช่องทางในการประชาสัมพันธ์ โฆษณาสินค้า ติดต่อสื่อสารทางธุรกิจ
- ผู้ใช้ที่เป็นบริษัท หรือองค์กรต่าง ๆ ก็สามารถเปิดให้บริการ และสนับสนุนลูกค้าของตนผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้
2.3 ด้านการบันเทิง อินเทอร์เน็ตมีความสำคัญ ดังนี้
- การพักผ่อนหย่อนใจ สันทนาการ เช่น การค้นหาวาระสารต่าง ๆ ผ่านระบบเครือข่าย
อินเทอร์เน็ต ที่เรียกว่า Magazine Online รวมทั้งหนังสือพิมพ์และข่าวสารอื่น
- สามารถฟังวิทยุหรือดูรายการโทรทัศน์ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้
- สามารถดึงข้อมูล (Download) ภาพยนตร์มาดูได้
- สามารถดึงข้อมูล (Download) ภาพยนตร์มาดูได้
3. ประโยชน์อินเทอร์เน็ต
ในการใช้อินเทอร์เน็ตนั้นก่อให้เกิดประโยชน์หลายด้านด้วยกัน สามารถสรุปที่สำคัญ ได้ดังนี้
1. ใช้แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร สะดวกและรวดเร็ว
2. ใช้สืบค้นข้อมูลจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ทั่วโลกได้
3. ใช้แลกเปลี่ยนข้อมูลกับเครื่องคอมพิวเตอร์ต่างระบบได้
4. สามารถส่งข้อมูลได้หลายรูปแบบ
5. ให้ความบันเทิงในรูปแบบต่างๆ เช่น การฟังเพลง เล่นเกมส์ เป็นต้น
6. ใช้สื่อสารด้วยข้อความ ซึ่งเป็นการพูดคุยกันระหว่างผู้ใช้อินเทอร์เน็ตโดยการพิมพ์ ข้อความ โต้ตอบ
7. ใช้ส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์
4. การใช้อินเทอร์เน็ต
การใช้งานอินเทอร์เน็ต ผู้ใช้สามารถใช้บริการจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตที่เราเรียกว่า ไอเอสพีด (ISPหรือ Internet Service Provider) โดยการติดต่อขอใช้บริการผ่านตัวแทนไอเอสพีต่างๆ ได้โดยตรง สำหรับประเทศไทยเรามีไอเอสพีอยู่มากกว่า 15 แห่ง ซึ่งไอเอสพี คือ บริษัทหรือองค์กรที่ให้บริการทางด้านอินเทอร์เน็ต รวมถึงศูนย์คอมพิวเตอร์ของสถาบันการศึกษาด้วย จะทำหน้าที่เชื่อมต่อระบบเครือข่ายจากประเทศไทยไปต่างประเทศ โดยผ่านเครือข่ายดาวเทียมหรือสายใยแก้วนำแสงของการสื่อสารแห่งประเทศไทย ตัวอย่าง ไอเอสพีในประเทศไทย มีดังนี้
1) บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย ชื่อเว็บไซต์ www.inet.co.th
2) บริษัท ล็อกซ์เล่ย์ อินฟอร์เมชัน ชื่อเว็บไซต์ www.loxinfo.co.th
3) บริษัท เคเอสซี คอมเมอร์เชียล อินเทอร์เน็ต ชื่อเว็บไซต์ www.ksc.net.th
4) บริษัท สามารถอินโฟเน็ต จำกัด ชื่อเว็บไซต์ www.samart.co.th
5) บริษัท เอ – เน็ต จำกัด ชื่อเว็บไซต์ www.a-net.net.th
ถ้าเราต้องการใช้บริการจากตัวแทนของหน่วยงานใด เราก็สามารถสมัครเป็นสมาชิกเพื่อใช้บริการอินเทอร์เน็ตนั้น โดยเสียค่าใช้จ่ายเป็นรายชั่วโมงหรือรายเดือนก็ได้ นอกจากนี้หลายบริษัทได้จัดทำชุดอินเทอร์เน็ตสำเร็จรูปออกจำหน่ายด้วย สามารถซื้อได้จากตัวแทนทั่วไป
5. ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
การติดต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ผ่านระบบการสื่อสารโทรคมนาคมเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ตเพื่อใช้บริการต่างๆ จากอินเทอร์เน็ต สามรถทำได้ 2 วิธี ดังนี้
1. การติดต่อโดยใช้สายโทรศัพท์ผ่านอุปกรณ์โมเดม (Modem)
ไปยังเอสไอพีที่เราเป็นสมาชิกอยู่โมเดมคือ อุปกรณ์แปลงสัญญาณคอมพิวเตอร์ให้เป็นสัญญาณโทรศัพท์และแปลงสัญญาณโทรศัพท์ให้เป็นสัญญาณคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการแปลงสัญญาณดิจิทัลจากคอมพิวเตอร์เป็นสัญญาณแอนาล็อกผ่านสายโทรศัพท์ไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ปลายทาง และขณะเดียวกัน ยังสามารถแปลงสัญญาณแอนาล็อกกลับเป็นสัญญาณดิจิทัลได้ โดยปกติเราใช้วิธีการนี้ ติดต่อจากที่บ้านหรือที่ทำงานที่ไม่มีระบบเครือข่ายเชื่อมโยงถึง ความเร็วของการติดต่อขึ้นอยู่กับโมเด็ม ปัจจุบันมีความเร็วขนาด 64 กิโลบิตต่อวินาที
![[clip_image0026.jpg]](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi0tnWzPUSoHURLKDgfEcEks96ZRxdRx9ZdEsKWicCwU88g5XI1vBUp-tj3f4HFxaw1qGu72oNCOMWbe7eQeW9_OoVZrdMT81E2qwYhb32M9SbE9Dmi54Nlrl6716UoDgXqZL7_7a5r8hFL/s1600/clip_image0026.jpg)
ภาพแสดง การทำงานของโมเด็ม
2. การติดต่อผ่านเครือข่ายแลน
วิธีนี้จะสะดวกมากกว่าวิธีอื่นการรับส่งข้อมูลมีความเร็วสูง นิยมใช้ในหน่วยงานที่มีขนาดใหญ่ เช่น มหาวิทยาลัย กระทรวง ทบวงกรมต่างๆ ใช้งานได้พร้อมกันครั้งละหลายๆ คน โดยหน่วยงานเหล่านั้นจะต้องมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านสายสัญญาณใยแก้วนำแสงหรือสายวงจรเช่า (leased
line) กับไอเอสพี
6. องค์ประกอบของระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
การให้บริการอินเทอร์เน็ตมีหลายรูปแบบ และมีการเปลี่ยนแปลงและเกิดขึ้นใหม่ตลอดเวลา สามารถสรุปที่มีการใช้ประโยชน์มากที่สุด ดังต่อไปนี้
1) การให้บริการเวิลด์ไวด์เว็บ
(World Wide Web หรือ www) เป็นบริการระบบข่าวสารที่มีข้อมูลอยู่ทุกแห่งในโลกซึ่งข้อมูลต่างๆเหล่านั้นสามารถอยู่ในหลายรูปแบบแตกต่างกันเช่น เอกสาร รูปภาพ ภาพเคลื่อนไหว และเสียง เป็นต้น ข้อมูลเหล่านี้สามารถเชื่อมโยงเป็นระบบสามารถสืบค้นได้ง่าย
2) การให้บริการไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์
(Electronic Mail หรือ E-mail) เป็นบริการรับส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หรือ อีเมลล์ ซึ่งจดหมายเหล่านี้จะถูกส่งผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตไปถึงผู้รับไม่ว่าอยู่ที่ใดในโลกอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่วินาทีจดหมายที่ส่งจะเป็นข้อมูลเอกสาร รูปภาพ ภาพเคลื่อนไหว และเสียง ก็ได้
3) การแลกเปลี่ยนข่าวสารแบบกลุ่ม
(Unsent Newsgroup) เป็นบริการที่ใช้ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและแสดงความคิดเห็นร่วมกันระหว่างผู้สนใจในเรื่องเดียวกันสามารถอภิปรายโต้ตอบกันได้ มีการจัดหัวข้อให้แสดงความคิดเห็นเป็นกลุ่มๆ เช่น กลุ่มผู้สนใจด้านสิ่งแวดล้อม กลุ่มผู้สนใจด้านคอมพิวเตอร์กลุ่มผู้สนใจด้านการเมืองและอื่นๆ ทุกคนจากทั่วโลกสามรถแสดงความคิดเห็นได้อย่างกว้างขวาง
4) การซื้อขายสินค้าและบริการ
(Electronic Commerce หรือ E-Commerce) เป็นบริการที่จัดทำขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกในการซื้อขายทางอินเทอร์เน็ต เป็นธุรกิจที่นิยมในปัจจุบัน สามารถให้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตสามารถสืบค้นหาของที่ตนต้องการซื้อตรวจสอบราคารวมถึงรายละเอียดและการสั่งซื้อได้โดยตรงจากที่บ้านหรือสำนักงาน
5) การบริการการโอนถ่ายข้อมูล
(Internet Relay Chat หรือ IRC) เป็นบริการโอนถ่ายข้อมูลเครือข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างแหล่งข้อมูลที่มีอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ต่างๆทั่วโลกนำเสนอมาเก็บในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราทำให้สามารถนำข้อมูลหรือโปรแกรมที่ต้องการจากเครือข่ายมาใช้งานได้
6) การสื่อสารโต้ตอบด้วยข้อความ (Internet Relay Chat หรือ IRC) เป็นบริการที่ให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในส่วนต่างๆของโลกสามารถติดต่อพูดคุยโต้ตอบด้วยข้อความผ่านระบบอินเทอร์เน็ต เราสามารถพิมพ์ข้อความโต้ตอบระหว่างบุคคล 2 คนหรือ เป็นกลุ่มบุคคลพร้อมกันก็ได้เป็นการโต้ตอบในเวลาเดียวกันขณะนั่งทำงานที่เครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นที่นิยมในกลุ่มวัยรุ่นโปรแกรมที่ใช้ที่นิยมกันมากในขณะนี้ได้แก่โปรแกรม ไอซีคิว (ICO)
7. การเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์เข้าสู่ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตหลายคนอาจเข้าสู่อินเทอร์เน็ตโดยผ่านทางระบบเครือข่ายของสำนักงานบริษัทหรือสถานศึกษาของตนซึ่งตามปกติแล้วหากเป็นหน่วยงานหรือสำนักงานใหญ่ๆจะต่อคอมพิวเตอร์เป็นระบบภายในองค์กร
(LAN) ซึ่งมักจะเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการ
(ISP) ผ่านสายนำสัญญาณความเร็วสูง (High-Speed Leased
Line) แทนที่จะเชื่อมต่อผ่านโมเด็ม (Modem) แต่ถ้าหากว่าคอมพิวเตอร์ที่ใช้อยู่ในวง LAN ที่ไม่โตมากนักก็อาจใช้เชื่อมต่อผ่านโมเด็มก็ได้เพราะจะทำให้ลดค่าใช้จ่ายในการเชื่อมต่อระบบแต่อาจจะมีปัญหาในเรื่องความเร็วในการเข้าสู่อินเทอร์เน็ตบ้างเล็กน้อย
ภาพแสดง การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์กับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
การเชื่อมต่อระบบอินเทอร์เน็ตผ่านทางผู้ให้บริการ
ภาพแสดง การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์กับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
การเชื่อมต่อระบบอินเทอร์เน็ตผ่านทางผู้ให้บริการ
ผู้ให้บริการเชื่อมต่อเข้าระบบอินเทอร์เน็ตเรียกว่า ISP (Internet Service
Provider)หรือที่เรียกกันว่าไอเอสพีจะเป็นองค์กรที่ทำการติดตั้งและดูแลเครื่องให้บริการ(Server) ที่ต่อตรงเข้ากับระบบอินเทอร์เน็ตซึ่งอนุญาตให้ผู้ที่สมัครเป็นสมาชิกขององค์กรนำระบบของตนเองเข้าไปเชื่อมต่อได้ดังนั้นISPก็เปรียบเสมือนช่องทางผ่านเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ตซึ่งหลังจากที่เราเชื่อมต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ตได้แล้วเราก็สามารถเข้าไปยังส่วนใดๆก็ได้ในระบบอินเทอร์เน็ตการเชื่อมต่อผ่านทาง ISP ยังแบ่งลักษณะการเชื่อมต่อออกเป็น 2 ประเภท ตามความต้องการใช้งาน ดังนี้
1) การเชื่อมต่อแบบองค์กร
เป็นองค์กรที่มีการจัดตั้งระบบเครือข่ายใช้งานภายในองค์กรอยู่แล้วจะสามารถนำเครื่องแม่ข่าย (Server) ของเครือข่ายนั้นเข้าเชื่อมต่อกับ ISP เพื่อเชื่อมโยงเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ตได้เลยเ
2) การเชื่อมต่อส่วนบุคคล
เป็นการเชื่อมต่อของบุคคลธรรมดาทั่วไปซึ่งสามารถขอเชื่อมต่อเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ตได้โดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้อยู่อาจจะเป็นที่บ้านหรือที่ทำงานเชื่อมต่อผ่านทางสายโทรศัพท์ผ่านอุปกรณ์ที่เรียกว่า โมเดม (Modem) ซึ่งค่าใช้จ่ายไม่สูงมากนักเรามักเรียกการเชื่อมต่อแบบนี้ว่าการเชื่อมต่อแบบ Dial-Up โดยผู้ใช้ต้องสมัครเป็นสมาชิกของ ISP เพื่อขอเชื่อมต่อผ่านทาง SLIP หรือ PPP account
TCP/IP: ภาษาหลักในอินเทอร์เน็ต
ปัจจุบันมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจำนวนมากทั่วโลกแต่ละคนก็ใช้คอมพิวเตอร์ต่างแบบต่างรุ่นกันดังนั้นการสื่อสารระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์จะต้องอาศัยภาษากลางที่คอมพิวเตอร์สามารถเข้ากันกันได้ซึ่งภาษากลางนี้มีชื่อทางเทคนิคว่า"โปรโตคอล"(Protocol) สำหรับโปรโตคอลเป็นมาตรฐานที่ใช้ในการสื่อสารบนอินเทอร์เน็ตมีชื่อเรียกว่า TCP/IP ซึ่งได้แพร่หลายไปทั่วโลกพร้อมๆกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และเป็นโปรโตคอลที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน
หลักการทำงานของโปรโตคอล TCP/IP จะแบ่งข้อมูลที่เครื่องคอมพิวเตอร์ส่งไปยังเครื่องอื่นเป็นส่วนย่อยๆ (เรียกว่า แพ็คเกต: packet) และ ส่งไปตามเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยการกระจายแพ็กเก็ตเหล่านั้นไปหลายทางโดยในแต่ละเส้นทางจะไปรวมกันที่จุดปลายทางและถูกนำมารวมกันเป็นข้อมูลที่สมบูรณ์อีกครั้งหนึ่ง
รูปแบบการทำงานของโปรโตคอล TCP/IP ที่มีการแบ่งข้อมูลและจัดส่งเป็นส่วนย่อย จะสามารถช่วยป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในการติดต่อสื่อสารได้เพราะถ้าข้อมูลสูญหายก็จะเกิดเป็นเพียงบางส่วนเท่านั้นมิใช่หายไปทั้งหมด ซึ่งคอมพิวเตอร์ปลายทางสามารถตรวจหาข้อมูลที่สูญหายได้ และติดต่อให้คอมพิวเตอร์ต้นทางส่งเพียงเฉพาะข้อมูลที่หายไปมาใหม่ได้ โปรโตคอล TCP/IP ถูกคิดค้นโดยรัฐบาลสหรัฐและถูกนำมาใช้กับเครือข่ายคอมพิวเตอร์เพี่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้เช่นในกรณีที่ศูนย์คอมพิวเตอร์ใหญ่ในรัฐใดรัฐหนึ่งถูกโจมตีจนได้รับความเสียหายเครือข่ายคอมพิวเตอร์ส่วนที่เหลือก็ยังสามารถติดต่อถึงกันได้อยู่เพราะข้อมูลจะถูกโอนย้ายไปตามเส้นทางอื่นในเครือข่ายแทน
SLIP/PPP: ช่วยสื่อสารผ่านสายโทรศัพท์
ในการส่งข้อมูลในระบบอินเทอร์เน็ตนั้นจำเป็นต้องส่งผ่านทั้งในระบบสายสัญญาณ 6 สาย ในระบบ LAN และระบบสายโทรศัพท์ประกอบกันดังนั้น เพื่อให้การสื่อสารเป็นไปได้อย่างราบรื่นจึงต้องมีโปรโตคอลเพิ่มขึ้นอีกซึ่งได้แก่โปรโตคอล SLIP (Serial Line Internet Protocol) และ PPP (Point-to-Point
Protocol) ซึ่งทำงานบน TCP/IP อีกทีหนึ่ง
SLIP
โปรโตคอล SLIP ได้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้ TCP/IP สามารถสื่อสารผ่านสายโทรศัพท์เพื่อส่งผ่านข้อมูลระหว่างระบบแลน(LAN)กับระบบแวน(WAN)ได้ซึ่งก็ได้รับความนิยมและเป็นที่ใช้กันอย่างแพร่หลายโดยเฉพาะในระบบUNIXได้นำโปรโตคอลนี้ติดตั้งไว้เป็นส่วนหนึ่งของระบบนั่นหมายความว่าทุกเครื่องที่ใช้ระบบUNIX จะมีโปรโตคอล SLIP อยู่ในตัวและสามารถใช้งานได้ทันที
PPP
เนื่องจากปรากฎว่าโปรโตคอลSLIPเกิดมีปัญหาไม่เข้ากันกับโปรโตคอลบางตัวที่ระบบแลน (LAN) นั้นใช้อยู่เดิมจึงได้มีการพัฒนาโปรโตคอลขึ้นมาใหม่ในชื่อ PPP เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ดังนั้น PPP จึงเป็นโปรโตคอลที่สามารถใช้ร่วมกับโปรโตคอลอื่นๆได้ดีอีกทั้งยังเพิ่มระบบการตรวจสอบข้อมูลการรักษาความปลอดภัยและการบีบอัดข้อมูลซึ่งทำงานได้ดีกว่าSLIPและก็คงถูกใช้เป็นมาตรฐานต่อไป
IP address: ระบุที่อยู่ของเครื่องคอมพิวเตอร์
อาจสงสัยเกี่ยวกับการทำงานของอินเทอร์เน็ตว่ารู้จักที่อยู่ของคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆได้อย่างไรลักษณะก็จะเหมือนกับเมื่อเราต้องการหาบ้านหลังหนึ่งในเมือง ขนาดใหญ่ไห้พบ เราต้องทราบข้อมูล เช่น บ้านเลขที่ ถนน ตำบล เป็นต้น ในอินเทอร์เน็ตก็เช่นเดียวกันเมื่อเราต้องการสื่อสารกับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น เราก็จะต้องการที่อยู่ของเครื่องนั้นๆบนอินเทอร์เน็ตที่เรียกว่า ไอพี แอดเดรส (IP address)
IP address เป็นหมายเลขประจำตัวเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง ซึ่งไม่ซ้ำกับเครื่องอื่นในโลก โดยประกอบด้วยตัวเลข 4 ชุดต่อกัน โดยมีจุด (.) เป็นสัญลักษณ์
แบ่งตัวเลขเป็นชุด ซึ่งแต่ละชุดจะมีค่าได้ตั้งแต่ 0 ถึง 255
ตัวอย่าง : IP
address
208.49.20.16
เนื่องจาก IP address เป็นหมายเลขที่ไม่ซ้ำกัน จึงได้เกิดหน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแล เรื่องการจัดสรรIP address โดยตรง หน่วยงานนี้มีชื่อว่า interNIC (Internet
Network Information Center) สำหรับผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วๆ ไปจะได้รับ IP address จากผู้ให้บริการ อินเทอร์เน็ต (ISP : Internet Service Provider) ซึ่งได้ทำการขอ
IP address เตรียมไว้ ล่วงหน้าแล้ว
Domain Name: อินเทอร์เน็ตแอดเดรส
ถึงแม้การทำงานของเครือข่ายคอมพิวเตอร์จะใช้ IP address แต่เนื่องจากเป็นชุดตัวเลขที่จดจำได้ยากดังนั้นเพื่อแก้ปัญาหาดังกล่าวจึงได้มีการนำอินเทอร์เน็ตแอดเดรสหรือโดเมนเนมมาใช้กล่าวคือการนำตัวอักษรที่จำได้ง่ายมาใช้แทน IP address อินเทอร์เน็ตแอดเดรสจะไม่ซ้ำกันและเพื่อสะดวกในการจดจำชื่อโดเมนดังนั้นโดเมนเนมมักนิยมตั้งให้สอดคล้องกับชื่อของบริษัทหรือชื่อองค์กรผู้เป็นเจ้าของเหล่านี้เป็นต้น
208.49.20.16 <
---------------> www.srithai.com
(IP
Address)
(โดเมนเนม)
แม้ว่าเราใช้โดเมนเนม แต่เนื่องจากรูปแบบการสื่อสารข้อมูลในอินเทอร์เน็ตใช้ IP address จึงต้องมีการแปลงโดเมนเนมกลับไปเป็น IP address โดยจะมีการจัดตั้ง คอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่นี้โดยเฉพาะที่ มีชื่อเรียกว่า DNS Serve
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น